วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แก๊สไข้เน่าที่สะพานนวลฉวี

เมื่อ 2-3 วันนี้ มีข่าวเกี่ยวกับแก๊สไข่เน่าที่สะพานนวลฉวี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีคนสลบจำนวน 4 คน โดยเนื้อข่าวนั้นมีดังนี้


ปากเกร็ด ตรวจสารเคมีโรงงานน้ำมันพืช (ไอเอ็นเอ็น)
         เทศบาลนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตรวจสารเคมีโรงงานน้ำมันพืช บริเวณสะพานนนทบุรี ที่แท้คือก๊าซไข่เน่า
         กองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครปากเกร็ด ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นนทบุรี ได้ออกตรวจโรงงานน้ำมันพืชบริเวณสะพานนนทบุรี ที่เกิดน้ำท่วมล้นผ่านแนวคันกั้นน้ำในโรงงานออกมาบริเวณชุมชน เมื่อคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2554 แล้วมีผลทำให้มีประชาชนได้รับอันตรายจากสารเคมีของโรงงานจนหมดสติ และต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลชลประทานนั้น
       
         จากการตรวจสอบพบว่า สารที่ทำให้ประชาชนหมดสติดังกล่าว "ไม่ใช่สารเคมี" แต่เป็นกลิ่นก๊าซไข่เน่า (Hydrogen Sulfide) ที่เกิดจากการเน่าเสียของขยะที่ใช้ในการกลั่นน้ำมันพืช ที่มีการสะสมตัวกับน้ำที่ท่วมขังจนเกิดกลิ่นรุนแรง เป็นอันตรายต่อผู้สูดดมเข้าไป ถึงขั้นคลื่นไส้ อาเจียน หมดสติได้
         ต่อมา กองการสาธารณสุขฯ ของเทศบาล เข้าไปตรวจในเรื่องนี้เป็นการด่วน เกรงประชาชนจะได้รับอันตราย ผลการตรวจออกมาแล้วว่าเป็นก๊าซไข่เน่า ที่เกิดจากการสะสมของวัสดุที่นำมากลั่นน้ำมัน และตอนนี้ก๊าซเจือจางแล้ว โดยเทศบาลดำเนินการนำจุลินทรีย์ เพื่อบำบัดและกำจัดกลิ่นน้ำบริเวณโรงงานให้ขยะย่อยสลาย จะได้ไม่เกิดก๊าซ จนเกิดกลิ่นดังกล่าวขึ้นอีก และอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี ได้เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งแล้ว พบว่าไม่มีอันตรายแล้ว ส่วนขยะตกค้างและวัสดุสำหรับกลั่นน้ำมันที่สะสมในโรงงานจนทำให้เกิดก๊าซ ทางเทศบาลได้ให้โรงงานได้ขนออกไปนอกพื้นที่เรียบร้อยแล้ว 



แล้ว Hydrogen sulfide มันคืออะไร ทำไมมันจึงดูรุนแรง ?

         hydrogen sulfide เป็นสารประกอบอินทรีย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งมีสูตรทางเคมีคือ (H2S) เป็นสารที่ไม่มีสี แต่ติดไฟง่ายและมีอันตรายต่อร่างกายมาก พบมากในไข่ที่เน่า จึงเรียกว่า "แก๊สไข่เน่า" แต่นั่นก็มีความเข้มข้นแค่เพียง 0.0047 ppm เท่านั้น

          และตัวแก๊ส H2S นั้นยังพบในน้ำเสียและการย่อยขยะอีกด้วย โดยการย่อยของแบคทีเรียในน้ำนั้นมี 2 แบบ คือ สภาวะน้ำปกติและน้ำเสีย


         จะเห็นว่า H2S นั้นจะเกิดจากแอนนาโรบิกแบคทีเรีย คือเป็นการย่อยสลายแบบไม่มีอากาศ ซึ่่งกลิ่นนั้นเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมาก โดยมีขีดความอันตรายดังต่อไปนี้

0.00047 ppm คนเริ่มรับรู้ว่าเป็นกลิ่นแก๊สไข่เน่า
<10 ppm สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 8 ชม. ต่อวัน
10-20 ppm อาจทำให้เกิดการระคายเคืองตาได้
60-100 ppm เกิดอันตรายต่อตา
100-150 ppm ประสาทการรับกลิ่นเสีย
320-530 ppm ทำให้เกืดภาวะ pulmonary edema (ปอดบวมน้ำ) อาจถึงแก่ชีวิตได้
530-1000 ppm ทำให้เกิดการหายใจเร็ว และสูญเสียการหายใจได้ เพราะเริ่มทำอันตรายกับประสาทส่วนกลางแล้ว
800 ppm เป็นความเข้มข้นที่อาจทำให้ตายได้ภายใน 5 นาที (LC50 - คือค่าที่ทำให้สัตว์ทดลองตายได้ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด)
>1000 ppm ทำให้เกิดการสูญเสียการหายใจอย่างรวดเร็ว และอาจได้แม้ได้สูดดมตั้งแต่ครั้งแรก

            อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพฤติกรมของแก๊สนั้นสามารถฟุ้งไปได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากอยู่ในที่ๆ อากาศเปิด แก๊สจะแพร่ไปในอากาศ ทำให้ความเข้มข้นเจือจางลง ดังนั้นดังที่แสดงในข่าว จะพบว่าแก๊สนั้นมีความแรงแค่ช่วงแรก และเจือจางจนไม่มีความอันตรายในเวลาต่อมา

          โดย H2S นั้นถือว่าเป็นสารที่มีความรุนแรงมาก เนื่องจากในดัชนี NPFA นั้นให้ความรุนแรงต่อสุขภาพในระดับ 4 และความไวไฟในระดับ 4 ดังนั้นแก๊สนี้จึงติดไฟได้ง่ายมากๆ (สังเกตว่าหากจุดระเบิดบริเวณก้นคนที่กำลังผายลมจะติดไฟ)

           สำหรับการใช้ประโยชน์ H2S นั้นจะใช้ในการสังเคราะห์สารจำพวก thioorganic , Alkali metal sufides และใช้ในกระบวนการเคมีวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์โลหะหนัก ยิ่งไปกว่านั้น ยังเคยมีคนใช้แก๊สนี้ฆ่าตัวตายอีกด้วย

           จะเห็นว่า H2S นั้นมีทั้งคุณประโยชน์และโทษในตัวมันเอง แต่ว่าในกรณีที่ข่าวนำเสนอนั้นคือผลกระทบที่เกิดจาก H2S ซึ่งอาจจะแก้ไขได้โดยรีบอุดจมูกแล้วออกจากพื้นที่ที่มีแก๊สนี้ให้เร็วที่สุด 



ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมอ่านได้ที่ : http://www.orangeth.com/GasArticles/H2S.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น